หลวงปู่ทิม อิสริโก หรือ พระครูภาวนาภิรัต ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาส วัดละหารไร่เป็นยอดพระคณาจารย์ที่มีพลังจิตแก่กล้ารูปหนึ่งของภาคตะวันออก ท่านเป็นคนถือสันโดษ ถือสมถะ ไม่ยึดติดทรัพย์สินใดๆ ท่านฉันอาหารเพียงมื้อเดียวและไม่ฉันเนื้อสัตว์ ท่านสามารถตัดกิเลสออกไปทั้งปวง
พระครูภาวนาภิรัต หรือที่รู้จักกันในนามว่า หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านเกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2422 ตรงกับรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี) หลวงปู่ทิม นามเดิมชื่อทิม นามสกุลงามศรี เกิดที่บ้านหัวทุ่งตาบุตร หมู่ที่ ๒ ตำบลละหารไร่ อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันเป็นชายทั้ง ๓ คน ท่านเป็นคนที่ ๒ เกิดเมื่อ ปีมะแม วันศุกร์ เดือน ๗ ตรงกับวันที่ ๑๖ เดือน มิถุนายน ๒๔๒๒ เป็นบุตรของนายแจ้ นางอินทร์ งามศรี หลวงปู่ทิมเป็นหลานของหลวงปู่สังข์ โดยมารดาของท่านเป็นน้องสาวหลวงปู่สังข์ หลวงปู่สังข์นี้เป็นพระปรมาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคมอย่างยิ่งในสมัยนั้น หลวงปู่สังข์องค์นี้เป็นผู้ก่อตั้งวัดละหารไร่ขึ้น เป็นพระที่เรืองวิทยาอาคมมาก น้ำลายที่ท่านถมถ้าถูกพื้น ๆ จะแตก เมื่อทางจังหวัดทราบถึงความเก่งกล้าในวิทยาอาคมของท่าน จึงนิมนต์มาอยู่ที่วัดเก๋งจีน และได้สร้างพระเนื้อตะกั่ววัดเก๋งจีนขึ้น ก่อนที่จะไปอยู่วัดเก๋งจีนนั้น หลวงปู่สังข์ได้ทิ้งตำราและวิทยาการต่าง ๆ ไว้ที่วัดละหารไร่ทั้งหมด เพราะท่านไม่หวงแหนในวิชาของท่านแต่อย่างใด ท่านกล่าวว่า “ใครมีปัญญาก็ค้นคว้าเอาเอง” บรรดาตำราและวิทยาการต่าง ๆ หลวงปู่สังข์ได้ทิ้งไว้ที่วัดละหารไร่นี้เองที่หลวงปู่ทิมก็ได้ใช้ศึกษาในเวลาต่อมา
ท่านได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2449 มีพระครูขาว วัดทับมา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สิงห์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์เกตุ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ณ พัทธสีมาวัดละหารไร่ ได้รับฉายาว่า อิสริโก เมื่อบวชแล้วก็ได้ศึกษาวิทยาคมจากตำราของ หลวงปู่สังข์เฒ่า ศึกษาเพิ่มเติมทั้งจากฆราวาสและบรรพชิต ท่านได้ออกธุดงค์ไปหลายจังหวัด ต่อมาท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดละหารไร่ และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูภาวนาภิรัตเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2507
หลวงปู่เป็นพระที่น่าเคารพและบูชาเป็นอย่างยิ่ง ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมและวินัยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นพระมักน้อย สันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในรูป เสียง กลิ่น รส ท่านฉันเช้าประมาณ ๗ โมงเช้าและน้ำชาก็เวลา ๔ โมงเย็น ถ้าเลยเวลาหลวงปู่ไม่ยอมฉันแม้แต่น้ำชา ท่านฉันข้าวมื้อเดียวมาประมาณ ๔๗ ปี และ เนื้อ หมู เป็ด ไก่ หรืออาหารคาวทุกชนิด ท่านไม่ยอมฉัน มา ๔๗ ปีแล้ว แม้แต่น้ำปลาก็ไม่ฉัน อาหารที่ท่านฉันเป็น ผัก ถั่ว หรือเส้นแกงร้อน น้ำพริกกับเกลือป่นอย่างนี้อยู่เป็นนิจตลอด
มรณภาพ
หลวงปู่ทิม ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ตรงกับรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รวมสิริอายุได้ 96 ปี นับพรรษาได้ 69 พรรษา
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95_(%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1_%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%81)
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=chinpei&month=01-08-2008&group=13&gblog=8