จิตคิด จิตเกิด จิตไม่คิด จิตไม่เกิด
จิตคิด จิตถูกทำลาย จิตไม่คิด จิตไม่ถูกทำลาย
จิตปรุงแต่ง จิตถูกทำลาย จิตไม่ปรุงแต่ง จิตไม่ถูกทำลาย
จิตแสวงหา จิตถูกทำลาย จิตไม่แสวงหา จิตไม่ถูกทำลาย
จิตปรารถนา จิตถูกทำลาย จิตไม่มีความกำหนัด จิตไม่ถูกทำลาย
ทิ้งหมด รู้หมด ทิ้งหมด ได้หมด
ไม่ทิ้งเลย ไม่รู้เลย ไม่ทิ้งเลย ไม่ได้เลย
ทรงจิตเข้ามรรคจิต แล้วจิตพิจารณาจิต
รู้ธรรมในจิต แล้วถนอมมรรคจิต
จงทำให้ชำนิชำนาญ
จิตอบรมจิต รู้ธรรมภายในจิต แล้วอบรมธรรมในธรรมภายในจิต
ผู้รู้ไม่คิด ผู้คิดยังไม่รู้ รู้แล้วไม่ต้องคิดก็เกิดปัญญา
เอาธรรมมาอบรมธรรม รู้ธรรมในธรรม
เอาธรรมชาติมาปฏิบัติธรรมชาติ ให้รู้ธรรมชาติในธรรมชาติ
เอาธาตุมาปฏิบัติธาตุ ให้รู้ธาตุในธาตุ
เอาธรรมอบรมในธรรม เอาจิตอบรมจิต ให้รู้ธรรมภายในจิต
รู้แล้วละวาง ปล่อยทิ้ง และไม่อาลัย
และไม่ยึดมั่นธรรมต่างๆ
ธรรมที่เกิดขึ้นภายในจิต ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว
บาปบุญเปรียบเหมือนมายา เกิดขึ้นแล้วดับ ปล่อยทิ้งทั้งสอง
มีแต่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
สิ้นแห่งความรู้ หุบปากเงียบ อิ่มในธรรม
ธรรมเติมธรรม ไม่มีธรรมนั่นคือธรรม
อย่าปล่อยให้จิตปรุงแต่งมากนัก
ข้อสำคัญ ให้รู้จัก…จิต…ของเราเท่านั้นเอง
เพราะว่าจิตคือ “ตัวหลักธรรม”
นอกจากจิตแล้ว ไม่มีหลักธรรมใดๆเลย
ภาวนามากๆ แล้วจะรู้ถึงความเป็นจริง
เท่านั้นเอง…ไม่มีอะไรมากมาย…มีเท่านั้น
เปล่า…เปล่า…บริสุทธิ์
คัดลอกจากหนังสือปลวงปู่ฝากไว้
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
ที่มา http://thammatan.com/