“เล่าเรื่องพระสีวลี” โดยท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
” .. ในสมัยพระพุทธเจ้า “องค์นี้เป็นที่หนึ่ง (พระสีวลี) ท่านจึงยกเอตทัคคะ คือเลิศในทางความมีอดิเรกลาภ” เครื่องสักการะบูชา จตุไทยทานมีมากนะองค์นี้ นี่พระสีวลี องค์หนึ่งเลิศทางหนึ่งๆ
อย่าง “พระสารีบุตรเลิศทางปัญญา ฝนตกเจ็ดวันเจ็ดคืน พระสารีบุตรนับได้ทุกเม็ด สามารถนับได้” องค์อื่นนับไม่ได้ แต่พระสารีบุตรสามารถนับได้ นี่อัตโนมัติ เขาเรียกว่าคอมพิวเตอร์ แต่ว่าคอมพิวเตอร์ของธรรมไม่ได้เหมือนโลก ละเอียดไปกว่านั้น แม้เช่นนั้นยังถูกตำหนิจากพระพุทธเจ้า “ไอ้ความรู้ของเธอขี้ปะติ๋ว เราตถาคต ฝนตกตั้งกัปตั้งกัลป์นับได้หมด” นั่นล่ะธรรมชาติที่รู้จริงๆ อย่างนั้น ไม่ผิดไม่พลาด นั่นล่ะ พระญาณหยั่งทราบ ทางนี้เขาเรียกคอมพิวเตอร์ นี่คอมพิวเตอร์ของธรรมเป็นอย่างนี้
คอมพิวเตอร์ของพระพุทธเจ้าใช้มากับพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ กับบรรดาสาวกผู้มีความเชี่ยวชาญทางไหนก็เป็นคอมพิวเตอร์ทั้งนั้น ประจำองค์ท่านเป็นประจำอย่างงั้น ทางเราปัจจุบันเขาเรียกคอมพิวเตอร์หรืออะไร คอมพิวเตอร์ของธรรมเป็นอย่างนั้นคิดดูซิฝนตกตั้งกัปตั้งกัลป์นับได้หมดทุกเม็ด ตกมากขนาดไหนนับได้หมดไม่เคลื่อนคลาด
“นี่พระสีวลีท่านก็อติเรกลาภมากเหมือนกัน” จนพระพุทธเจ้าท่านหาอุบายยกชมเชย คือพระเรวตะ เป็นน้องชายของพระสารีบุตร ท่านชอบอยู่ในป่าในเขาเป็นประจำ ทีนี้พระพุทธเจ้า “เราอยากไปเยี่ยมพระเรวตะ” พระอานนท์ก็ทูลว่า “จะไปได้อย่างไง อยู่ในป่าในเขาลึก ๆ อาหารการกินจะมีมาจากที่ไหนมีแต่ป่าแต่เขา จะหาอยู่หากินได้ยังไง โคจรบิณฑบาตมาก”
ยากอะไร “เราก็เอาพระสีวลีไปด้วยสิ” (พระพุทธเจ้าทรงรับสั่ง) ถ้าพระสีวลีไปนี่ มาทุกแห่งทุกหนทุกทิศทุกทางเทวบุตร เทวดา มาทั้งนั้น นี่ฤทธิ์ธานุภาพบุญของท่านนะ “จึงเรียกว่าพระสีวลีเป็นผู้เลิศเลอในเรื่องอติเรกลาภมาก” ไปที่ไหนทั้งเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมมนุษย์มนากราบไหว้บูชา ถวายเครื่องสักการะบูชา มันต่างกันอย่างนั้นน่ะ
นี่พูดถึงเรื่องอดีตของท่าน “ท่านทำไม่ถึงมีอติเรกลาภมาก ท่านเป็นนักเสียสละ ถึงไหนถึงกัน ตลอดมา เป็นนิสัยกว้างขวาง การบริจาคทานไม่อัดไม่อั้น ไม่กลัวหมดทำมาตลอดประจำนิสัยของท่าน”
ทีนี้วาระสุดท้ายมาเป็นพระอรหันต์แล้ว นี่เป็นครั้งสุดท้าย ท่านจะไม่มาเกิดอีก มาตายอีก “ความเลิศเลอของท่านจึงแสดงให้โลกเห็น พระสีวลีไปที่ไหนเกลื่อนไปด้วยเครื่องจตุปัจจัยไทยทานทั้งเทวบุตรเทวดอินทร์พรหม เด่นกว่าเพื่อน เด่นกว่าบรรดาสาวกทั้งหลาย บรรดาสาวกทั้งหลายก็มีแต่ว่าองค์นี้เด่นกว่าเพื่อน จึงยกให้เป็นเอตทัคคะ เลิศทางนี้”
ไม่ใช่เหล่านั้นท่านไม่มี มีเหมือนกัน “แต่องค์นี้เด่นกว่าเพื่อน อดีตชาติของท่านเป็นนักเสียสละ” แม้แต่ไปเป็นสัตว์ก็เป็นหัวหน้าสัตว์ เป็นมนุษย์นี่ก็เขาต้องมาเชิญท่านไปทำบุญให้ทาน ทีนี้เวลาผลสุดท้ายที่ท่านบรรลุพระอรหันต์เรียบร้อยแล้ว ผลบุญของท่านประจักษ์ไปที่ไหนเกลื่อนไปหมด .. ”
(หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)