AmuletCenter.NET พระเครื่อง ตำนาน เรื่องเล่า วัดแนะนำ เครื่องราง ของขลัง
ศูนย์รวมพระเครื่อง
  • หน้าแรก
  • คาถาบูชา
  • ปางพระพุทธรูป
  • พระเครื่อง
  • วัดแนะนำ
  • เกจิ-อาจารย์
  • เครื่องราง
  • เรื่องเล่า-ตำนาน
  • บทความข้อคิด
  • หน้าแรก
  • คาถาบูชา
  • ปางพระพุทธรูป
  • พระเครื่อง
  • วัดแนะนำ
  • เกจิ-อาจารย์
  • เครื่องราง
  • เรื่องเล่า-ตำนาน
  • บทความข้อคิด
ไม่มีผลลัพท์
ผลลัพท์ทั้งหมด
ศูนย์รวมพระเครื่อง
ไม่มีผลลัพท์
ผลลัพท์ทั้งหมด
หน้าแรก เรื่องเล่า-ตำนาน

ตำนานพระลักษณ์หน้าทอง

AmuletCenter.NET โดย AmuletCenter.NET
2016-03-02
in เรื่องเล่า-ตำนาน
0
ตำนานพระลักษณ์หน้าทอง
1.1k
แบ่งปัน
6.2k
ยอดชม
แชร์บนเฟสแชร์บนทวิตเตอร์แชร์บนไลน์
phraluck_1
เปิดตำนานพระลักษณ์หน้าทอง
อีกหนึ่งวิชาขลังของหลวงปู่กาหลง

เขี้ยวแก้ว “พระลักษณ์หน้าทอง”  สำหรับวิชานี้เป็นที่ขึ้นชื่อเกี่ยวกับอำนาจแห่งเสน่ห์เมตตามหานิยม  ที่ชาวโขนละครในสมัยก่อนต่างนักถือกันนัก  วิชา นี้หลวงปู่กาหลงเล่า ท่านได้รับการถ่ายทอดจากครูผึ่ง  ซึ่งเป็นครูโขนละครในสมัยรัชกาลที่ 6  ตอนที่ครูผึ่งพบท่านนั้น  ครูผึ่งชรามากแล้ว  ส่วนท่านเพิ่งเป็นพระได้ไม่กี่พรรษา  เล่าว่าครูผึ่งพอใจในวัตรปฏิปทาของท่านจนบังเกิดเป็นความศรัทธา  และได้ถวายวิชานี้ให้แก่ท่าน  แต่เดิมหลวงปู่กาหลงท่านก็ไม่อยากรับวิชานี้  แต่เมื่อครูผึ่งได้พยายามอยู่หลานหนท่านก็อ่อนใจ  จนรับครอบวิชานี้จากท่าน

     วิชาพระลักษณ์หน้าทอง  นับ เป็นวิชาสายเมตตามหานิยมที่มีอานุภาพสูส่ง  ขาวโขนละครในนับถือกันมากที่สุด  เชื่อกันว่าใครได้ครอบแล้วจะเป็นเมตตามหานิยมแก่ตนเองไปหาผู้ใดเขาก็รัก  จะร้องรำทำเพลงประการใด ใคร ๆ ก็ชอบ  ดังนั้นจึงเป็นที่นับถือกันมาก  สาย วิชาพระลักษณ์หน้าทองเป็นสายวิชาที่ปกปิดกันมากเพราะเป็นที่หวงแหนของครูบา อาจารย์สมัยก่อน  อย่างไรก็ตามวิชาพระลักษณ์หน้าทองนั้นก็มีหลายสาย  อย่างพวกลิเกก็มีวิชาตำรับพระลักษณ์หน้าทองเช่นกัน  ใช้เสกแป้งสำหรับทาหน้าทาตัว  แต่วิชาของหลวงปู่กาหลงนั้นเป็นวิชาสายในวังที่หาได้ยากเก่าแก่ที่สุด  และที่สำคัญคือหลวงปู่ท่านเป็นพระเถราจารย์ที่มีพลังจิตสูง  และมีเมตตาสูงมากดังนั้นการทำวิชาพระลักษณ์หน้าทองของหลวงปู่จึงเหนือกว่า สายอื่น ๆ มาก  ผู้ที่ได้ลงวิชากับท่านนอกจากจะเป็นผู้ที่มีเสน่ห์เมตตามหานิยมแล้ว  ยังเป็นผู้ที่มีวาสนาดี   มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู  บังเกิดความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตอย่างสูงสุด  ความน่าอัศจรรย์ของวิชาพระลักษณ์หน้าทองจึงนับว่าสูงส่งยิ่งนัก

ตำนานพระลักษณ์หน้าทอง
ด้านตำนานของวิชาพระลักษณ์หน้าทองนั้น  มาจากเรื่องรามเกียรติ์  ในท้องเรื่องรามเกียรติ์นั้นพระรามมีพี่น้องทั้งหมดสี่คน  คนที่สนิทที่สุดคือพระลักษณ์  ตัวพระรามนั้นเป็นนารายณ์อวตาร  ร่างมีสีเขียวส่วนพระลักษณ์นั้นเป็นองค์อนันตนาคราชกลับชาตมาเกิดเพื่อช่วย เหลือพระรามในการสังหารอสูร  มีร่างกายสีทอง  ทั้งนี้เนื่องจากองค์อนันตนาคราชแต่เดิมนั้นก็มีเกล็ดเป็นทองคำทั้งร่าง เมื่อกลับชาติมาเกิดเป็นพระลักษณ์ก็มีการทองตามไปด้วย    ลักษณะพระลักษณ์นั้นกล่าวคำบรรยายว่า  หนึ่งพักตร์  สองกร  มีพระพักตร์เป็นสีทองคำ  ใส่มงกุฎยอดแหลม  อยู่ในพงศ์พันธุ์แห่งองค์นารายณ์อวตาร  เรียกสั้น ๆ ว่า “นารายณ์พงศ์”

พระลักษณ์นั้นตามท้องเรื่องรามเกียรติ์เป็นผู้ที่มีความกล้าหาญชาญชัย  ซื่อสัตย์ต่อองค์พระรามด้วยชีวิต  ดังจะเห็นได้ว่าครั้งหนึ่งอสูรนามว่ากุมภกัณฑ์มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธ  เมื่อได้ทีจะพุ่งใส่พระราม  แต่พระลักษณ์ออกมารับแทนจนโดนฤทธิ์ของหอกโมกศักดิ์เจ็บเจียนตาย  เกือบไม่รอด  นี่แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจ  ความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อองค์พระรามผู้พี่อย่างยากที่จะหาใครมาเปรียบได้  นอกจากนี้พระลักษณ์ยังเป็นผู้มีจิตใจเยือกเย็น  คอยคิดคอยช่วยเหลือพระรามโดยตลอด

พระลักษณ์เป็นผู้ที่มีวาสนาสูส่งผู้หนึ่งของโลกในยุคนั้นเรื่องความมีวาสนา หรือบุญบารมีของพระลักษณ์นั้นก็ไม่ธรรมดาเพราะครั้งที่มีการแข่งขันยกมหาคัน ศรเพื่อเสี่ยงทายว่าผู้ใดที่ยกได้จะได้นางสีดาไปเป็นภรรยา  เทพพรหมทุกชั้นฟ้ามาแข่งขันเพื่อจะยกก็หาใครยกได้ไม่  แม้รวมคนตั้งพันมายกก็ยังยกไม่ขึ้น  พอพระลักษณ์มาลองยกก็ยกได้แต่ด้วยรู้ว่าพี่ชายคือพระรามนั้นรักนางสีดาอยู่ ก็เลยขอสละสิทธิ์ให้พระรามมายกปรากฏว่าพระรามก็ยกได้และได้แต่งงานกับนางสี ดา  นี่ก็เป็นอีกครั้งที่พระลักษณ์แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจทั้งยังแสดงให้เห็น ถึงบุญบารมีของพระลักษณ์ว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน

ในเรื่องรามเกียรติ์พระลักษณ์มีอาวุธเป็นพระขรรค์กายสิทธิ์เรื่องการได้ อาวุธคู่บารมีของพระลักษณ์นั้นก็เป็นด้วยบุญของพระลักษณ์เช่นกัน  เล่าว่าก่อนหน้านั้นมีอสูรตนหนึ่งภาวนาขอพรจากพระเป็นเจ้าเมื่อบำเพ็ญตบะจน แก่กล้าพระเป็นเจ้าก็ประทานพรให้  อสูรขออาวุธวิเศษพระเป็นเจ้าก็บันดาลให้เกิดพระขรรค์แก้วร่วงหล่นลงมาจากบน ฟ้า แต่ด้วยกรรมบังตาอสูรเกิดความไม่พอใจคิดว่าพระเป็นเจ้าหมิ่นเกียรติตนเองจึง เขวี้ยงพระขรรค์ลงมาเช่นนี้  อสูรจึงทิ้งพระขรรค์นั้น  ต่อมาพระลักษณ์เดินทางมาถึงพบพระขรรค์วิเศษทิ้งเอาไว้  พระลักษณ์ลองนำมากวัดแกว่งดูปรากฏว่าสะท้านสะเทือนไปทั้งสามโลก  อสูรตนดังกล่าวรู้ว่าเป็นฤทธิ์อำนาจจากพระขรรค์ที่ตนบำเพ็ญตละจึงจะมาเอา คืน  ต่อสู้ด้วยกับพระลักษณ์  พระลักษณ์จึงได้ใช้พระขรรค์วิเศษฟันตัวอสูรจนขาดเป็นสองท่อน  อสูรนั้นก็ถึงแก่ความตาย  ตำนานเรื่องพระลักษณ์จากรามเกียรติ์นั้นมีด้วยกันหายตอนแม้ว่าจะไม่มีบทบาท มากเท่าพระรามแต่ก็เป็นบุคคลสำคัญที่ใคร ๆ ก็รู้จักเป็นอย่างดี

     ที่สำคัญคือด้วยการที่พระลักษณ์ในกายทอง  องค์พระลักษณ์จึงเป็นผู้ที่มีเสน่ห์เมตตามหานิยมสูงมาแต่กำเนิด  ทั้งคำว่าลักษณ์  ยังเป็นคำเสียงใกล้เคียงกับคำว่า “รัก”อีกด้วย  ดังนั้น นามพระลักษณ์หน้าทองนี้จึงเป็นตัวแทนแห่งเสน่ห์เมตตามหานิยมได้เป็นอย่างดีที่สุด  และในสายวิชาทางไสยศาสตร์ที่มักมาจากตำนานทางศาสนาพราหมณ์  ก็ได้นำเอาตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์หลายองค์มาเป็นครูในสายวิชา  อย่างพระ รามก็มักเป็นครูในสายวิชาทางการรบทัพจับศึก  คงกระพันชาตรี  ส่วนพระลักษณ์ผู้น้องที่มีร่างเป็นทองคำนั้นก็เป็นครูสายวิชาเสน่ห์เมตตามหา นิยม  พระรามและพระลักษณ์จึงเมือนพลังคู่ หยินหยาง พระรามเป็นอำนาจประดุจพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน  พระลักษณ์เป็นอำนาจประดุจพระจันทร์เต็มดวงยามเที่ยงคืน  ที่เยือกเย็นเป็นเสน่ห์อันสุดประมาณมิได้  ด้วยเหตุนี้กำเนิดแห่งวิชาพระลักษณ์หน้าทองจึงบังเกิดขึ้นด้วยบุญบารมีแห่ง พระลักษณ์บุคคลสำคัญผู้หนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์
อำนาจเสน่ห์แห่งจันทร์ซ้อนจันทร์
ดังที่กล่าวมาเบื้องต้นว่าวิชาพระลักษณ์หน้าทองนั้นเป็นวิชาที่ครูบาอาจารย์ ท่านหวงแหนเป็นที่สุด  เพราะวิชานี้เป็นเสน่ห์อย่างล้นเหลือแต่ด้วยบุญบารมีของหลวงปู่กาหลงจึง บันดาลให้ท่านได้พบกับครูผึ่งและได้รับการครอบวิชานี้มา  การครอบครูวิชาพระลักษณ์หน้าทองนั้น  หลวงปู่กาหลงกล่าวว่าปีหนึ่งทำได้แค่ครั้งเดียว  และการครอบครูพระลักษณ์ที่ถูกต้องนั้นและดีที่สุดนั้นต้องได้วันจันทร์ที่ ตรงกับพระจันทร์เต็มดวง  เรียกว่าจันทร์ซ้อนจันทร์  ตามความเชื่อของไสยศาสตร์นั้น  วันจันทร์เป็นวันแห่งเมตตามหานิยมอยู่แล้วผู้ที่เกิดวันจันทร์ตามตำรา โหราศาสตร์ก็กล่าวว่าเป็นผู้ที่มีเมตตา มหาเสน่ห์ หากเป็นชายก็เจ้าชู้ หากเป็นหญิงก็อ่อนหวานชนให้รักใคร่ยิ่งนัก  ยิ่งวันจันทร์ที่ได้กำลังจากพระจันทร์  คือมาเต็มดวงในวันจันทร์พอดียิ่งถือว่าขลังมาก  เพราะตามปกตินั้นวันจันทร์เต็มดวงก็ถือว่าเป็นมงคลที่เหมาะแก่การปลุกเสก เครื่องรางของขลังทางด้านเมตตามหาเสน่ห์อยู่แล้วเนื่องจากพระจันทร์นั้นเป็น สิ่งที่มีบทบาทและอิทธิพลต่ออารมณ์ความรักความใคร่ของมนุษย์และสิ่งมีชีวิต ทั้งหลาย  เมื่อใดก็ตามที่พระจันทร์มาทาบทับเต็มดวงในวันจันทร์วันนั้นถือว่าเป็นวัน อาถรรพณ์หากได้ปลุกเสกเครื่องรางทางเมตตามหานิยมในวันนี้นับว่าขลัง ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าทุกวันเพราะได้กำลังซ้อนทับทวีถึงสองเท่า  แต่ในปีหนึ่ง ๆ นั้นจะหาวันพิเศษเช่นนี้ก็ไม่ง่ายเท่าใดนัก  บางปีอาจไม่มีเลยบางปีอาจมีวันหรือสองวันเท่านั้น

อาถรรพณ์พระลักษณ์หน้าทอง
      การครอบครูพระลักษณ์หน้าทองตามตำรับหลวงนั้น  มีข้อกำหนดอันละเอียดอ่อนที่ผู้เขียนทราบมาคือในสมัยก่อนนั้นจะมีการขูดเอา เนื้อจากเศียรพระลักษณ์ที่มีความเก่าจนมาสามารถใช้การได้  ผงจากเนื้อพระลักษณ์ที่ยุดออกมานั้น  ในวงการโขนละคร  นางร้องนางระ  เขาถือว่าเป็นผงเสน่ห์  ผงดังกล่าวสามารถนำมาเจิมหน้าเจิมตา  นำมาผสมกับแป้งผัดหน้าได้  เป็นผงวิเศษที่มีอำนาจเมตตามหานิยมอย่างสูงส่ง  เพราะถือว่าได้ผงที่เป็นของสมมุติแทนองค์พระลักษณ์และมาจากพระพักตร์ท่านโดย ตรงอีกด้วย  แต่การจะขูดเอาผงหน้าพระลักษณ์มานั้นไม่ใช่จะขูดก็เข้าไปขูดเพราะหากทำผิด อาจต้องอาถรรพณ์เป็นอันตรายแก่ตัวเองได้  การขูดผงหน้าพระลักษณ์นั้นต้องรูวิธี  คือ ห้ามเข้าไปขูดผงต่อหน้าพระลักษณ์โดยตรงต้องเข้าไปข้าง ๆ ข้างซ้ายหรือขวาก็ได้  ทำการกราบขอขมาขออนุญาตแล้วจึงทำการขูดเอาผงพระลักษณ์หน้าทองออกมาเป็นของ มงคลหากไปทำผิดครูเข้าอาจเกิดอาการทางท้อง  หรือไม่สบาย หรือประสบอาถรรพณ์อย่างหนึ่งอย่างใดได้  ที่ชาวโขนละครเรียกกันว่า ผิดแรงครูนั่นเอง

อนึ่ง ผงจากเศียรครูพระลักษณ์หน้าทอง  ขูดตามประเพณีนี้หลวงปู่ท่านได้เก็บสะสมไว้และนำมาเป็นมวลสาระสำคัญในการทำ เครื่องรางชุดพระลักษณ์หน้าทองด้วย  จึงมั่นใจได้ว่าเครื่องพระลักษณ์หน้าทองตำรับหลวงปู่กาหลงนั้น  ย่อมเป็นเครื่องรางที่มีอิทธิคุณสูงส่งทางด้านเมตตามหานิยมอย่างมิต้องสงสัย
พิธีเข้มขลังครอบครูพระลักษณ์หน้าทอง
การทำพิธีครอบครูพระลักษณ์หน้าทองนั้น  แต่เช้ามาหลวงปู่กาหลวงท่านจะทำการนั่งบริกรรมปลุกเสกในปะรำพิธี  กำหนดจิตระลึกถึงครูบาอาจารย์  เทพยดาผู้รักษาวิชานี้เพื่อให้เกิดความเข้มขลัง  การนั่งบริกรรมของหลวงปู่กาหลงนั้นท่านนั่งนานเป็นชั่วโมงและในวันพิธีดัง กล่าวหลวงปู่กาหลงท่านมิได้มานั่งปรกอธิษฐานเพียงผู้เดียวยังมี หลวงพ่ออั้นวัวโรงโค มา ร่วมนั่งปรกบริกรรมปลุกเสกให้ด้วย  ดังนั้นเรื่องความศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นที่เชื่อถือได้ว่าเข้มขลังสุด ๆ หลังจากนั้นผู้ที่รอคอยการครอบครูจะค่อย ๆ ทยอยเข้าไปหาหลวงปู่ท่าน  ยกพานครูแก่หลวงปู่กาหลง  จากนั้นหลวงปู่กาหลงทำการครอบเศียรพระลักษณ์หน้าทองให้  เสร็จแล้วครอบด้วยหนังตะลุงเก่าอีกครั้งหนึ่ง  แล้วทำการครอบด้วยพานครูอีกครั้งเป็นอันเสร็จพิธี  จากนั้นผู้ครอบทำการรับน้ำพระพุทธมนต์จากหลวงปู่อั้น  วัดโรงโคเป็นอันเสร็จพิธี

ผู้ที่ผ่านการครอบครูพระลักษณ์หน้าทองซึ่งปีหนึ่งสามารถทำได้เพียงหนเดียว เท่านั้น  ย่อมเป็นผู้ที่ได้รับจากพระลักษณ์หน้าทองก่อให้เกิดเสน่ห์เมตตามหานิยม  เป็นที่ชมชอบของหญิงชายทั้งหลาย  และเท่ากับเป็นการเพิ่มบารมี  ความรุ่งโรจน์ของดวงชะตาชีวิต  ให้เกิดความก้าวหน้าในการงาน  ทำมาค้าขายดี  และรียกได้ว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ที่มีบุญบารมีดีที่ได้ครอบครูพระลักษณ์หน้า ทองจากหลวงปู่  ซึ่งพิธีเช่นนี้หาได้ไม่ง่ายนัก  และใช่ว่าใครจะทำได้ศักดิ์สิทธิ์ดังเช่นหลวงปู่กาหลงทานด้วย

phraluck_2
สุดยอดวัตถุมงคลพระลักษณ์หน้าทอง
     ใน การทำพิธีครอบครูเศียรพระลักษณ์หน้าทองตำรับครูผึ่งหรือตัวหรับหลวงนั้น  ในวาระนี้ทางหลวงปู่กาหลงท่านยังได้ทำการปลุกเสกเครื่องรางชุดพระลักษณ์หน้า ทองเพื่อเป็นเครื่องมงคลแก่ศิษย์ที่ต้องการเครื่องรางสักอย่างที่มีอานุภาพ ทางเสน่ห์เมตตามหานิยม  ในการปลุกเสกนั้นหลวงปู่กาหลงท่านได้ทำการปลุกเสกร่วมกับ  หลวงพ่ออั้น วัดโรงโค  และหลวงพ่อทรงวัด ศาลาดิน
     โดยเครื่องรางพระลักษณ์หน้าทองนั้นมีด้วยกัน 3 ประเภทได้แก่
1.เหรียญพระลักษณ์หน้าทอง
2.ผ้ายันต์พระลักษณ์หน้าทอง
3.ตะกรุดพระลักษณ์หน้าทอง

สำหรับเศียรพระลักษณ์หน้าทองนั้นได้ออกแบบเป็นเศียรพระลักษณ์ถอดแบบมาจาก เศียรครูพระลักษณ์หน้าทอง  มีสองเอ  คือเนื้อนวะโลหะ  ด้านหลังอุดผงพระลักษณ์  และพลอยนพเก้า  กับเนื้อผงมวลสารผงกำเนิดพระลักษณ์เต็มสูตรฝังตะกรุดเงินไว้ด้วย

ในด้านของเศียรพระลักษณ์หน้าทองเนื้อนวะนั้นมีเคล็ดลับที่หลายท่านไม่รู้บอก ไว้ตรงนี้ด้วยคือ  ด้านหน้าของเศียรพระลักษณ์หน้าทอง  หากท่านสังเกตตรงชฎาขององค์พระลักษณ์จะเห็นว่ามีช่องว่างเล็ก ๆ อยู่ช่องหนึ่ง  ช่องที่เว้นว่างเอาไว้ท่านบอว่าให้เอาไว้ติดพลอยประจำวันเกิดของคนผู้นั้น  เช่นคนเกิดวันอาทิตย์ก็หาเม็ดทับทิมเล็ก ๆ มาติดเอาไว้  คนที่เก็ดวันจันทร์ก็หามุกดามาติด  คนเกิดวันอังคารก็หาหินสีชมพูอาจเป็นโรสควอสต์ซ มาติดเอาไว้  คนเกิดวันพุธก็หาหยกหรือมรกตมาติด  คนเกิดวันพฤหัสก็ควรหาอำพัน  หรือพลอยสีเหลืองมาติด  คนเกิดวันศุกร์ก็ให้หาพลอยสีฟ้ามาติด  คนเกิดวันเสาร์ก็หานิลมาติด  จะได้เป็นสิริมงคลประจำตัวของบุคคลผู้นั้น  เพราะได้อัญมณีประจำวันของแต่ละคนมาเสริมอำนาจแห่งองค์พระลักษณ์หน้าทอง  เยกว่าเสริมดีให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก  ซึ่งตรงนี้เชื่อว่าน้อยคนที่จะรู้

     นอกจากนี้ยังมีผ้ายันต์พระลักษณ์หน้าทอง  ที่อบด้วยสีผึ้งหลวงปู่  มีกลิ่นหอมเป็นเสน่ห์เมตตาชั้นสูงเช่นกัน  ผ้ายันต์นี้หลวงปู่ท่านกล่าวว่าศักดิ์สิทธิ์มาก  ทำด้วยกันทั้งหมดสองสีเท่านั้นคือ  ผ้ายันต์สีขาวและผ้ายันต์สีเหลือง  กล่าวว่าหากผู้ใดได้กราบไว้  ท่องพระคาถาบูชาทุกวันจะเป็นที่รักของมหาชนทั้งหลาย  มีผู้ใหญ่คอยช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูไปตลอดชีวิต  ผ้ายันต์นี้ท่านว่าให้เอาไว้ในกระเป๋าเสื้อ  ไว้ใช้สำหรับเช็ดหน้าเช็ดตา  ก่อนออกจากบ้าน  ก่อนไปพบเพศตรงข้ามให้ระลึกถึงหน้าของคนผู้นั้นแล้วเอาผ้ายันต์นี้เช็ดหน้า เช็ดตาของพรให้สมหวังจะดีนักแลใช้ในการเข้าหาผู้ใหญ่ก็ได้เช่นกันเขาเห็นเรา รักเราเหมือนลูกนั่นแล  นับเป็นผ้ายันต์ที่มีอำนาจเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างแรงกล้าดีนัก

ซึ่ง ผู้ที่พลาดโอกาสไม่ได้ครอบครูพระลักษณ์หน้าทองก็สามารถนำเอาพระลักษณ์หน้า ทองจากการปลุกเสกในวาระนี้ไปอธิษฐานจิตใช้ในชีวิตประจำวันได้  เพราะก่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ปาฏิหาริย์เช่นเดียวกัน  ผู้ที่นำไปใช้ย่อมเป็นเมตตามหาเสน่ห์  มหานิยม  เป็นสง่าราศีดุจว่าพระลักษณ์หน้าทองมาให้พรหามงคลแก่ตัวท่านเองฉันนั้น

คาถาและการใช้วัตถุมงคลพระลักษณ์หน้าทอง
 ตั้งนะโม 3 จบ
โอม พระพักตร์  พระลักษณ์หน้าทอง  สุวรรณผุดผ่อง  หน้าทองพระพักตร์  ชายเห็นชายรัก  สาวเห็นสาวรัก  ผู้ใหญ่เห็นก็รัก  พากันโสมนัส  ใครเห็นใครก็รัก  รู้จักกูถ้วนหน้าไม่ว่าใคร  นะจับจิต  โมจับใจ  พุทโยงใย  ธาหลวงใหล  ยะร้องไห้มาหากู  ปะสะสัมมะปติฏฐามิ
โอม พระแลงเป็นแสงพระลักษณ์  พระฤาษีจับปากกา  พระลักษณ์จับหน้า  จับตาสวาหะ  นะเห็นหน้ากูอยู่ไม่ได้  โมร้องไห้ครวญครางพุทกอดไว้มิใคร่วาง  ธาครวญครางสะอื้นไห้  ยะหลงใหลในจิต  หญิงใดชายใดได้เพ่งพิศเห็นหน้ากูก็อยู่มิได้ร้องไห้มาหากู  โอมสิทธิแก่กูสวาหะ  เอหิชัยยะ  เอหิสัพเพชะนา  พหูชะนาเอหิ
    พระคาถานี้ภาวนา 3 จบ  พร้อมกับนำเศียรพระลักษณ์หรือตะกรุดวนที่ใบหน้า 3 รอบ  โดยวนตามเข็มนาฬิกา (ทักษิณาวัตร) เป็น มหาเสน่ห์  มหาเมตตา  มหานิยม  มีสง่าราศี  เสริมวาสนา  ชะตาชีวิตบุญบารมีดีนักแล  ค้าขายประกอบกิจการสิ่งใดก็สำเร็จสมความปรารถนาทุกประการ
    หากเป็นผ้ายันต์ให้ท่องพระคานี้สามจบแล้วนำไปลูบที่หน้าผาก  ที่แก้มสองข้าง เป็นเมตตามหานิยมดีนักแล
Tags: ตำนาน
เรื่องก่อนหน้า

ท้าวเวสสุวัณ

เรื่องถัดไป

ว่านมงคล 108 ชนิด

เรื่องถัดไป
ว่านมงคล 108 ชนิด

ว่านมงคล 108 ชนิด

Categories

  • คาถาบูชา
  • บทความข้อคิด
  • ปางพระพุทธรูป
  • พระเครื่อง
  • วัดแนะนำ
  • เกจิ-อาจารย์
  • เครื่องรางของขลัง
  • เรื่องเล่า-ตำนาน

หมวดหมู่

  • คาถาบูชา
  • บทความข้อคิด
  • ปางพระพุทธรูป
  • พระเครื่อง
  • วัดแนะนำ
  • เกจิ-อาจารย์
  • เครื่องรางของขลัง
  • เรื่องเล่า-ตำนาน

ป้ายค้นหา

คาถาบูชา คำชะโนด ตำนาน ปางพระพุทธรูป พระสีวลี พระเกจิ วัดดัง วัดท่าไม้ วัดในปทุม หลวงปู่ทิม หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อเผือก หลวงพ่อเหลือ หลวงพ่อโต หลวงพ่อโสธร ฮีต12 ไอ้ไข่

สถิติคนเข้าชมเว็บ

ศูนย์รวมพระเครื่อง ข่าวสาร ตำนาน เกจิอาจารย์ ดูแลโดย SiAMFOCUS.COM

ไม่มีผลลัพท์
ผลลัพท์ทั้งหมด
  • หน้าแรก
  • คาถาบูชา
  • ปางพระพุทธรูป
  • พระเครื่อง
  • บทความข้อคิด
  • วัดแนะนำ
  • เกจิ-อาจารย์
  • เครื่องรางของขลัง
  • เรื่องเล่า-ตำนาน

ศูนย์รวมพระเครื่อง ข่าวสาร ตำนาน เกจิอาจารย์ ดูแลโดย SiAMFOCUS.COM